62 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคหัวใจ (Heart Disease) หมายถึง โรคต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ โดยโรคหัวใจสามารถแบ่งย่อยได้เป็นหลายกลุ่มโรค
เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น
อาการของโรคหัวใจ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในส่วนของหัวใจที่ต่างกัน ทำให้โรคหัวใจมีอาการต่างกันไปในแต่ละชนิด
-โรคหลอดเลือดหัวใจ
-โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
-โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
-โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
-โรคลิ้นหัวใจ
-โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ
สาเหตุของโรคหัวใจ
เช่นเดียวกันกับอาการ สาเหตุของโรคหัวใจแต่ละชนิดมีที่มาต่างกัน เช่น
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- โรคลิ้นหัวใจ
- โรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ
การป้องกันโรคหัวใจ
การป้องกันโรคหัวใจด้วยตนเองทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหมั่นตรวจร่างกายเพื่อควบคุมระดับความดันและไขมันในเลือดเป็นประจำ
การรับประทานอาหารและออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ ควรเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช ลดปริมาณไขมัน โซเดียม และน้ำตาลให้น้อย
หมั่นออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก หยุดสูบบุหรี่ และความเครียดก็อาจเป็นปัจจัยการเกิดโรคหัวใจได้เช่นกัน
ดั่งนั้น จึงควรพยายามผ่อนคลายจิตใจให้มาก และรักษาสุขอนามัยให้ถูกต้องอยู่เสมอเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน(Heart attack) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตในผู้ใหญ่ ซึ่งพบบ่อยในอายุ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุมาจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่มีสาเหตุมาจากหลอกเลือดหัวใจตีบ หรืออุดตันชนิดฉับพลัน
สำหรับอาการของโรคหัวใจกำเริบฉับพลัน จะส่งผลให้มีอาการเจ็บหน้าอกบริเวณซีกซ้าย อาจจะมีร้าวไปที่แขนซ้าย หรือกราม ร่วมกับมีเหงื่อออก มือเท้าเย็น วิงเวียน จะเป็นลม หมดแรง คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม
ทั้งนี้พบว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก หัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะชนืดร้ายแรง
สำหรับปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน คือ การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วนลงพุง การบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์ แต่อาการหัวใจกำเริบเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ และทุกเวลา เช่น ขณะออกกำลังกาย หรือนอนหลับพักผ่อน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแต่ยังรู้สึกตัว ควรรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ จะต้องมีความรู้เรื่องการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน(CPR) และรู้จักใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ(AED) ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล
ปัจจุบัน กระทรวงสาธารณะสุขมีระบบแพทย์ฉุกเฉิน เรียกว่า ระบบช่องทางด่วน(fast track) โดยติดต่อหมายเลข 1669 เพื่อนำส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเบื้องต้น
ผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน จากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน จะต้องได้รับการรักษาทันที ด้วยการให้ยาละลายลิ้มเลือด หรือการสวนหัวใจ เพื่อทำการบอลลูน ซึ่งมีระยะเวลาที่เป็นนาทีทอง(golden period) 120 นาที ในการเปิดหลอดเลือดหัวใจ เพื่อลดอัตรการเสียชีวิต
ภายหลังการรักษา ผู้ป่วยต้องรับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ด้วยการมาพบแพทย์ตามนัด ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
“หากพบว่าอาการผิดปกติ เช่น เจ็บแน่นหน้าอกเวลาออกแรง เหนื่อยง่าย หอบเหนื่อยนอนราบไม่ได้ ขาบวมกดบุ๋ม ให้รีบมาพบแพทย์ทันที” นายแพทย์เอนกกล่าว
ขณะที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ ว่า โรคหลอดเลือดหัวใจ(coronary artery disease) หมายถึง โรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ(coronary artery) ตีบหรือตัน
การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคหัวใจหลอดเลือด ส่วนใหญ่เกิดจากไขมันและเนื้อเยื่อสะสมในผนังของหลอดเลือด ทำให้เยื่อบุในผนังหลอดเลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
สำหรับอาการ คือ มีอาการเจ็บหน้าอกเกิดขึ้น หากเกิดการอุดตันของหลอดเลือดเฉียบพลัน ที่มีกเกิดจากคราบไขมัน ที่สะสมอยู่ที่ผนังของหลอดเลือดชั้นในแต่ออก และกลายเป็นลิ่มเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน นำไปสู่การแทรกซ้อนต่าง ๆ หรือเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก : THE BANGKOK INSIGHT